HDSL: High bit rate Digital Subscriber Line SDSL: Symmetric Digital Subscriber Line SDSL: Symmetric Digital Subscriber Line IDSL: ISDN Digital Subscriber Line ADSL: Asymmetric Digital Subscriber Line RADSL: Rate Adaptive Digital Subscriber Line VDSL: Very high bit rate Digital Subscriber Line โดยแต่ละเทคโนโลยีมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้ (ดูตารางประกอบ)
|
Down |
Up |
Mode |
Distance |
Wire(n) |
Voice |
HDSL |
1.5 Mbps |
1.5 Mbps |
Symmetric |
3.6 Km |
4 |
No |
SDSL |
1.5 Mbps |
1.5 Mbps |
Symmetric |
3 Km |
2 |
No |
IDSL |
128 Kbps |
128 Kbps |
Symmetric |
4.5 Km |
2 |
No |
ADSL |
8 Mbps |
1 Mbps |
Asymmetric |
5 Km |
2 |
Yes |
VDSL |
52 Mbps |
2.3 Mbps |
Asymmetric |
1 Km |
2 |
Yes |
1.ความเร็วในการรับ (Down) และ ส่ง (Up) ข้อมูล แต่ละเทคโนโลยีจะไม่เท่ากัน 2.Mode ของการรับส่งข้อมูล หากเทคโนโลยีใดมีอัตราความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลเท่ากันจะเรียกว่า Symmetric(ความสมมาตร) หากอัตราความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลไม่เท่ากันจะเรียกว่า Asymmetric(ความสมมาตร) เช่น ADSL มีอัตราเร็วในการรับข้อมูลสูงถึง 8 Mbps และมีอัตราเร็วในการส่งสูงสุดเพียง 1 Mbps แต่โดยทั่วไป เรามักมีการ Download หรือรับข้อมูล มากกว่า Upload หรือส่งข้อมูล ดังนั้น ADSL จึงสามารถรองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี 3.ระยะทางที่สามารถ รับ-ส่ง ข้อมูล (Distance) ระยะทางที่สามารถทำงานได้ของแต่ละเทคโนโลยีจะไม่เท่ากัน โดยที่เทคโนโลยีที่มีความเร็วสูงขึ้น มักจะมีระยะสามารถทำงานได้สั้นลง เช่น VDSL ซึ่งมีความเร็วสูงมากคือ 52 Mbps แต่จะสามารถทำงานได้ในระยะทางไม่เกิน 1 กิโลเมตรเท่านั้น 4.จำนวนสายที่ใช้ (Wire) โดยในช่วงต้นของการพัฒนานั้น HDSL ถูกคิดค้นให้ใช้ถึง 2 คู่สายหรือสายทองแดง 4 เส้น แต่ระยะต่อมาสามารถพัฒนาให้สามารถ รับ-ส่ง ข้อมูลได้บนคู่สายทองแดงเพียง 1 คู่เท่านั้น และยังสามารถมีอัตราความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลสูงขึ้นด้วย 5.ความสามารถในการใช้โทรศัพท์ระหว่าง รับ-ส่ง ข้อมูล (Voice Service) เทคโนโลยี DSL ที่เกิดขึ้นในระยะหลังจะถูกพัฒนาขึ้น ให้สามารถใช้งาน โทรศัพท์ได้ด้วยระหว่างที่มีการ รับ-ส่ง ข้อมูล เช่น ADSL และ VDSL โดยในขณะนี้เทคโนโลยี ADSL เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ให้บริการเลือกใช้มากที่สุด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มี ความเร็วสูง และระยะทางที่ทำงานได้ค่อนข้างไกล ซึ่งเหมาะสม ที่จะนำมาประยุกต์ใช้งาน ในปัจจุบันมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยี VDSL ซึ่งมีความเร็วสูงถึง 52 Mbps ก็อาจจะถูกนำมาใช้งานมากขึ้น
ADSL Technology ADSL ย่อมาจาก Asymmetric Digital Subscriber Line คือเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง บนข่ายสายทองแดง หรือคู่สายโทรศัพท์ ADSL เป็นเทคโนโลยีในตระกูล xDSLโดยมีลักษณะสำคัญคืออัตราการเร็วในการรับข้อมูล (Downstream) และอัตราการเร็วในการส่งข้อมูล(Upstream) ไม่เท่ากัน โดยมีอัตรารับข้อมูลสูงสุดที่ 8 Mbps. และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 1Mbps โดยระดับความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลจะขึ้นอยู่กับ ระยะทาง และคุณภาพของคู่สายนั้นๆ
เทคโนโลยี ADSL มีเทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ ซึ่งจะแบ่งย่านความที่บนคู่สายทองแดง ออกเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงความถี่โทรศัพท์ (POTS) ช่วงความถี่ของการส่งข้อมูล (Upstream) ช่วงความถี่ในการรับข้อมูล(Downstream) จึงทำให้สามารถส่งข้อมูล และใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน
เทคโนโลยี ADSL พัฒนาให้ใช้ TCP/IP Protocol เป็นหลัก ซึ่งเป็น Protocol ที่ใช้บนเครือข่าย Internet และพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยี ATM ทำให้ ADSL สามารถรองรับ Application ในด้าน Multimedia ได้เป็นอย่างดี
How ADSL work? จากชุมสายโทรศัพท์ถึงบ้านผู้ใช้งาน การทำงานของ ADSL โมเด็มจะเกิดขึ้นระหว่างชุมสายโทรศัพท์ (Central Office) โดยผู้ให้บริการ จะต้องติดต้องอุปกรณ์รวมสัญญาณเรียกว่า DSLAM (DSL Access Multiplexer) ในทุกๆ ชุมสายที่ให้บริการ ซึ่งจะทำหน้าที่รวมสัญญาณจากผู้ใช้งาน ในชุมสายโทรศัพท์นั้นๆ จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งผ่าน เครือข่ายดิจิตอลความเร็วสูง ไปยังศูนย์กลางของผู้ให้บริการ (ดูภาพประกอบ) และจากนั้นผู้ให้บริการ ADSL ก็จะเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการข้อมูล (Service Provider) เช่น ISPs หรือเครือข่ายขององค์กร
Pots Splitter อุปกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ ADSL สามารถส่งข้อมูลไปได้พร้อมๆ กับการใช้งานโทรศัพท์ ก็คือ Pots Splitter โดยมันจะมีหน้าที่ในการกรองสัญญาณที่มีความถี่สูงออกจาก สัญญาณย่านที่มีย่านความถี่ต่ำ โดยถูกติดตั้งอยู่ทั้งที่ผู้ใช้งาน และที่ชุมสายโทรศัพท์ (ดูภาพด้านบนประกอบ) นั่นคือหากมีการใช้งานโทรศัพท์ สัญญาณโทรศัพท์จะถูกส่งผ่านสายทองแดง ไปยังชุมสายโทรศัพท์ (Central Office) และสัญญาณโทรศัพท์ จะถูกส่งผ่านไปยังเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ (PSTN: Public switch telephone netowok) เพื่อเชื่อมต่อไปยังเลขหมายปลายทางต่อไป ส่วนสัญญาณข้อมูล (DATA) จะถูกส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ DSLAM
เทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ (Modulation Technique) การที่ ADSL สามารถส่งข้อมูลพร้อมกับการใช้งานโทรศัพท์ได้นั้น เนื่องจาก ADSL ใช้เทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ (Modulation) บนย่านความถี่ที่สูงกว่าการใช้งานโทรศัพท์ โดยทั่วไป ซึ่งปกติการใช้งานโทรศัพท์จะใช้ย่านความถี่ที่ 0 - 4 KHertz และการใช้งาน 56K Analog โมเด็ม ก็ทำการเข้ารหัสสัญญาณ บนย่านความถี่นี้เช่นกัน ซึ่งเป็นย่านเดียวกับการใช้งานโทรศัท์ ทำให้เมื่อใช้งานโมเด็มจะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ในขณะที่ ADSL จะเข้ารหัสสัญญาณที่ย่านความถี่ที่สูงกว่า 4 KHertz ขึ้นไป คือตั้งแต่ 30 KHertz ไปจนถึง 1.1 MHertz โดย ADSL มีเทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ 2 วิธี คือ CAP และ DMT (ดูภาพประกอบ) ซึ่งด้วยเทคนิคนี้เอง ทำให้ การรับ-ส่งข้อมูลด้วย ADSL จึงสามารถใช้โทรศัพท์ได้เป็นปกติ โดยไม่รบกวนกันแต่อย่างใด โดยมีอุปกรณ์ Pots Splitter ที่ช่วยในการแยกย่านความถี่ของข้อมูลและ ความถี่ในการใช้โทรศัพท์ออกจากกัน
>CAP เป็นเทคนิคที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงแรกๆ ซึ่งจะแบ่งย่านความถี่ออกเป็น 3 ช่วงกว้างๆ คือ Uplink(ส่งข้อมูล) Downlink(รับข้อมูล) และ Pots(ย่านความถี่โทรศัพท์) ในขณะที่ DMT จะมีการแบ่งแต่ละช่วงความถี่ ออกเป็นช่วงเล็กๆ อีกโดยเรียกว่า Bin ซึ่งแต่ละบินจะถูกแบ่งออกเป็น Bin ละ 4 KHertz ซึ่งเทคนิคนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษคือ มันจะสามารถเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม กับสภาพแวดล้อมและคุณภาพสายในขณะนั้นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในการเข้ารหัสสัญญาณของ ADSL
Application
เนื่องจาก ADSL เป็นเทคโนโลยีที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูง การใช้งานสะดวกสบายและประหยัด ADSL จากตารางจะเห็นว่า ADSL สามารถรองรับการทำงานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารข้อมูลธรรมดา เช่น การใช้งานอินเตอร์เน็ต, การทำงานทางไกล, จนกระทั่ง ข้อมูลที่เต็มไปด้วยภาพและเสียง ซึ่งมักจะต้องการความเร็วสูงๆ เช่น การประชุมทางไกลกลุ่มผ่านจอภาพ, Video on Demand หรือ Video Catalog ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องการความเร็วถึง 1.5 - 6 Mbps. หรือแม้กระทั่ง การใช้งานเป็นวงจรเชื่อมโยงสำนักงานสาขา หรือเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จากที่บ้านเข้ามาที่สำนักงาน หรือที่เรียกว่า Work at Home ก็เป็นได้
Professional |
Telecommuting, Corporate Lan Access, Work @ Home, Home Business, Video Conference |
Entertainment |
Video on Demand, Games, Internet Surfing, Video Chat Groups, Gambling, Photography |
Consumer |
Shopping, Video Catalogs, Education, Medical, Information, Public Services |
การประยุกต์ใช้งาน ADSL ที่ให้บริการในปัจจุบัน 1. Internet Access ในปัจจุบันผู้ให้บริการ ADSL ในประเทศไทยจะเน้นการให้บริการ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โดยผู้ใช้งานสามารถท่อง อินเตอร์เน็ตได้ที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 64 Kbps ขึ้นไป ซึ่งอาจจะถึง 8Mbps. (ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการที่ความเร็วสูงสุดที่ 1Mbps.) ซึ่งผู้ให้บริการ จะคิดค่าบริการตามระดับความเร็ว ยิ่งความเร็วสูงขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นด้วย และบางที่อาจจะมีการจำกัดชั่วโมงการใช้งาน หรือจำนวนข้อมูลที่รับ-ส่ง การใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงด้วย ADSL นอกจากความเร็วที่ผู้ใช้งานจะได้รับแล้ว การใช้งานในแต่ละครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องหมุนโทรศัพท์จึงไม่เสียค่าโทรศัพท์ ไม่มีปัญหาสายหลุด และปัญหาสายไม่ว่างอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานได้รับทั้งความสะดวก และประหยัด เป็นอย่างมาก
2. Lan Interworking คือการเชื่อมต่อจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยผ่านเครือข่าย ADSL เช่น บริษัทที่อนุญาติให้ พนักงานสามารถเชื่อมต่อ เข้าสู่เครือข่ายภายในของบริษัท (Lan) จากที่บ้าน หรือ เชื่อมต่อสำนักงานใหญ่ กับสำนักงานสาขา โดยผ่านเครือข่าย ADSL ซึ่งการใช้บริการใช้บริการในลักษณะนี้ จะสามารถทดแทนระบบ Remote Access แบบ Dial-up ได้ และลักษณะการใช้งานจะคล้ายกับการใช้วงจรเช่า Leased Line หรือ Frame Relay แต่ ADSL จะมีต้นทุนต่ำกว่ามาก โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับความเร็วได้ ตามต้องการ แต่ก็ต้องยอมรับว่า วงจรเข่าอาจจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า
Benefit
* "High Speed" ADSL มีอัตราความเร็วในการรับสูงสุดที่ 1 Mbps. และ อัตราในการส่งสูงสุดที่ 8 Mbps. ซึ่งสามารถปรับระดับความเร็วได้ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ ดังนั้น ADSL จึงสามารถรองรับ Application ในวันนี้และในอนาคต ได้เป็นอย่างด ี * "Always On" การใช้งาน ADSL จะไม่จำเป็นต้องมีการหมุนโทรศัพท์ (Dial) เหมือน Analog Modem หรือ ISDN นั่นก็หมายความว่า การใช้งาน ADSL จะไม่มีปัญหาสายไม่ว่าง เนื่องจากคู่สายที่ผู้ให้บริการเตรียมไว้ไม่เพียงพอ ปัญหาสายหลุด นอกจากนั้น การเชื่อมต่อแต่ละครั้งก็ไม่เสียค่าโทรศัพท์อีกด้วย * "ใช้โทรศัพท์ได้พร้อมกับ รับ-ส่ง ข้อมูล" ระหว่างที่ใช้งาน ADSL รับ-ส่ง ข้อมูลอยู่ สายโทรศัพท์ก็ยังสามารถใช้คุยโทรศัพท์ หรือ รับ-ส่ง แฟกซ์ ได้เป็นเป็นปกติ ซึ่งแตกต่างจาก Analog Modem ซึ่งเมื่อใช้งาน โมเด็ม สายโทรศัพท์ก็ไม่สามารถใช้งานได้
Installation
การติดตั้งโมเด็ม ADSL และระบบสายโทรศัพท์ภายใน การติดตั้งอุปกรณ์โมเด็ม ADSL .นั้นมีขั้นตอนการติดตั้งเฉพาะตัว โดยการติดตั้งจะแตกต่างจาก โมเด็ม Analog อยู่พอสมควร ซึ่งการติดตั้งโมเด็ม ADSL มีข้อจำกัดและวิธีการดังนี้
1.หากต้องการใช้งานโทรศัพท์ได้พร้อมกับการ รับ-ส่ง ข้อมูล (หมายความว่า หากไม่ต้องการใช้โทรศัพท์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Pots Splitter ก็ได้) จะต้องติด Pots Splitter เพื่อกรองย่านความถี่ของข้อมูล และสัญญาณโทรศัพท์ออกจากกัน จากนั้นจะต้องลากคู่สายใหม่ สำหรับ โมเด็ม ADSL ซึ่งสายใหม่นี้ จะไม่สามารถนำเครื่องโทรศัพท์ หรือแฟกซ์มาต่อพ่วงได้ ส่วนอีกคู่สายหนึ่ง ก็ลากไปยังเครื่องโทรศัพท์หรือแฟกซ์ตามปกติ 2.ในกรณีที่มีตู้สาขา (PABX) จะต้องติด Pots Splitter ก่อนแยกสายเข้าสู่ตู้สาขา เพื่อแยกคู่สายออก โดยคู่สายหนึ่งลากเข้าตู้สาขา ส่วนอีกคู่สายหนึ่งก็ลากไปยังโมเด็ม ADSL
สำหรับ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโมเด็ม ที่สามารถให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงขึ้นโดยใช้สายทองแดงเดิม แต่ทั้งนี้ความเร็วที่สูงขึ้นดังกล่าวจะไม่เท่ากันในระหว่าง upstream และ downstream ดังรูป
ADSL ใช้เทคนิคการเข้ารหัสแบบดิจิตอล ซึ่งจะไม่รบกวนการใช้โทรศัพท์ปกติ ดังนั้น เราจืงสามารถพูดคุยโทรศัพท์ได้พร้อมกับการรับส่ง fax หรือใช้อินเตอร์เน็ต การมอดูเลตใน ADSL มีหลายวิธี เช่น อาจเป็นแบบ CAP (Carrier – less Amplitude/Phase Modulation) ซึ่งใช้ single carrier หรืออาจเป็น DMT (Discrete Multi-Tone) ซึ่งเป็น multicarrier modulaion โดยรวบรวมข้อมูลที่เข้ามา แล้วส่งออกไปตาม carrier ย่อยจำนวนมาก แต่ละ carrier ย่อยนี้มีรูปแบบเป็น QAM (Quadrature Amplitude Modulation) ในการสร้างช่องสัญญาณ จะใช้เทคนิคดิจิตอลที่เรียกว่า Discrete Fast Fourier Transform ยังมีลักษณะการทำงานอีกแบบหนึ่งที่คล้ายกันกับ DMT คือ DWMT (Discrete Wavelet Multi-Tone) ซึ่งจะใช้เทคนิค Wavelete transform แทน Fourier transform ในการสร้างช่องสัญญาณ
ในการสร้างหลายๆช่องสัญญาณ โมเด็มจะมีวิธีแบ่งแบนด์วิดท์ของสายโทรศัพท์ 2 วิธีคือ ด้วยการทำ Frequency Division Multiplex (FDM) หรืออาจใช้การทำ Echo Cancellation ในแบบ FDM จะแบ่งแถบความถี่เป็นสองย่าน สำหรับ upstream และ downstream และยังแบ่งย่านความถี่ของ downstream ต่อ เป็นช่องสัญญาณความเร็วสูง และช่องสัญญาณความเร็วต่ำ ด้วยเทคนิค TDM (Time Division Multiplexing) อีกทีหนึ่ง ส่วนในแบบ Echo Cancellation นั้น ย่านความถี่ของ upstream และ downstream จะเหลื่อมซ้อนกัน ดังรูป
เพื่อให้เห็นภาพรวมการนำเทคโนโลยี ADSL มาใช้ในเครือข่าย ให้พิจารณา diagram ต่อไปนี้
ความหมายของชื่อต่างๆในรูป มีดังนี้
- - > ADSL Asymmetric Digital Subscriber Line
- - > STM Synchronous Transfer Mode
- - > ATM Asynchronous Transfer Mode
- - > TE Terminal Equipment
- - > OS Operations System
- - > PDN Premises Distribution Network
- - > SM Service Module
- - > STM Synchronous Transfer Mode
- - > TE Terminal Equipment Diagram ดังกล่าวข้างต้นใช้การอ้างอิงจาก system reference model ดังรูป
โดย linuxstep team,oil@eve.co.th วันที่ 12/11/2547
|